*ชื่อเรื่อง : * *บทความภาษาอังกฤษ*
ชื่อผู้แต่ง : FWR.SilverSky <../Room/AliasProfile.aspx?ID=34182>
ชื่อตอน : The Moon Festival...เทศกาลไหว้พระจันทร์
ตอนที่ : 11
อัพเดตเมื่อ : 17/12/2551 21:37:50
เข้าชม : 3142
เนื้อเรื่อง
The Moon Festival
The Chinese Moon Festival usually takes place on the 15th day of the
eight lunar month (in September or October). The Mid-Autumn Festival
is held in honour of the Moon Goddess which is believed to have been
born on this date.
However, the historical fact about the origin of the festival is
still unclear. Some say that the great Han dynasty emperor Wu Di
initiated a three-day celebration to worship the autumn moon. Many,
however, argue that the festival, in fact, originated around 1368
during the Mongol’s domination of China. The cake was made to hide a
secret message of the rebellion to tell people across the country of
a large gathering during the eight lunar month. The Mongol army was
not aware of the rebellious purpose, they thought that the cakes
were an old tradition. They, thus were defeated that night. After a
new dynasty named Ming was set up, the practice has been carried on
till these days.
Besides these historical facts, there are also many myths and
legends, one of these is that of Siang-Ngor (Some says Chang-E)
Siang-Ngor was very beautiful. She was the wife of a high-ranking
Chinese officer. After taking a magic medicine, she flew up to the
moon and lived there. She later became immortal after consuming the
immortal water given to her by a certain Goddess in heaven.
Siang-Ngor the Moon Goddess was said to be very kind. When the
cultivation season arrived, she would pour immortal water to the
earth and this brought prosperity to all farmers. To express their
gratitude to the Moon Goddess, farmers thus made Khanom go (or
sweetmeat) from rice flour as an offering to her on the full moon
night of the eight lunar month.
Since chinese festivals usually involve special delicacies to be
given as offerings, on this occasion, Moon cake is specially made as
an offering. This Chinese delicacy is, however, hardly a cake in the
western sense of the world. In Thailand, the art of Chinese style
cake was brought to the country by Chinese immigrants almost 100
years ago.
The original Chinese Moon cake included such ingredients as red
beans, five types of Chinese nuts and ground lotus seeds and so on.
Thailand has its own variations of including durian, chestnut, and
persimmon. Additional ingredients may include lotus seeds, salted
egg yolk and watermelon seeds.
It is to be noted that the ceremony is usually conducted by women as
people believe that the moon is uniquely associated with female
diety. Thus, powder and cosmetics are also offered with the hope of
bringing beauty and beautiful skin to the entire female family members.
Whatever the scientific progress may be, it will never make any
impact on traditional beliefs and festivals which have been passed
on from generation to generation.
เทศกาลไหว้พระจันทร์
เทศกาลไหว้พระจันทร์ ชาวจีนโดยปกติจะมีขึ้นในวันที่ 15 (วันเพ็ญ) เดือน 8 (เดือนกันยายน
หรือตุลาคม) เทศกาลกลางฤดูใบไม้ร่วงนี้จัดให้มีขึ้นเพื่อระลึกถึงเทพธิดาแห่งพระจันทร์ ซึ่งเชื่อ
กันว่าถือกำเนิดขึ้นในวันนี้
อย่างไรก็ตาม ข้อเท็จจริงทางประวัติศาสตร์เกี่ยวกับต้นกำเนิดของเทศกาลนี้ยังคงไม่เป็นที่
ปรากฏแน่ชัด บ้างก็ว่าจักรพรรดิ์วูแห่งราชวงศ์ฮั่นเป็นผู้ริเริ่มการฉลองเพื่อกราบไหว้พระจันทร์
เป็นเวลา 3 วันในฤดูใบไม้ร่วงนี้ แต่หลายคนก็แย้งว่า ความจริงแล้วเทศกาลนี้เกิดขึ้นในราวปี
พ.ศ. 1911 ในช่วงมองโกลยึดครองจีน ขนมเค้กที่ทำขึ้นก็เพื่อซุกซ่อนข้อความลับของพวกกบฏที่
มีถึงประชาชนทั่วทั้งประเทศให้มาชุมนุมกันครั้งใหญ่ในเดือน 8 นี้ ทหารมองโกลไม่ได้ระแวงถึง
จุดประสงค์ของพวกกบฏ เพราะคิดว่าขนมเค้กเหล่านั้นเป็นการทำตามประเพณีดั้งเดิมของชาว
จีน ด้วยเหตุนี้ในคืนนั้นเองทหารมองโกลจึงถูกปราบเสียราบคาบหลังจากที่ราชวงศ์ใหม่คือราช
วงศ์หมิงได้ถูกจัดตั้งขึ้นแล้ว ประเพณีนี้ก็ถือปฏิบัติกันมาจนถึงทุกวันนี้
นอกจากข้อเท็จจริงทางประวัติศาสตร์เหล่านี้แล้ว ก็ยังมีนิทานและตำนานอีกหลายเรื่อง หนึ่งใน
จำนวนนี้ก็คือเรื่องเกี่ยวกับนางเสี้ยงหงอ (บ้างก็เรียกฉางอี้) ซึ่งเป็นหญิงที่มีความงดงามมาก
นางเป็นภรรยาของขุนนางจีนท่านหนึ่ง หลังจากที่นางทานยาวิเศษเข้าไป นางก็เหาะขึ้นไปอยู่
บนพระจันทร์ภายหลังนางกลายเป็นอมตะหลังจากที่ได้ดื่มน้ำอมฤตของเทพธิดาองค์หนึ่งบนสวรรค์
กล่าวกันว่านางจันทรเทพธิดาเสี้ยงหงอมีน้ำใจเมตตาเอื้ออารีมาก พอถึงฤดูกาลเพาะปลูกนางก็
จะประพรมน้ำอมฤตลงมาบนพื้นโลกและนี่ก็นำมาซึ่งความเจริญรุ่งเรืองแก่ชาวไร่ชาวนาทั้งมวล
เพื่อเป็นการแสดงความกตัญญูต่อนางจันทรเทพธิดาชาวนาจึงทำขนมโก๋จากแป้งข้าวเจ้าเพื่อ
สักการะนางในคืนวันเพ็ญเดือน 8
เนื่องจากว่าโดยปกติประเพณีต่างๆ ของชาวจีนจะเกี่ยวข้องกับการทำอาหารพิเศษ ๆ เพื่อเป็น
เครื่องสักการะในวันนั้น แต่ว่าอาหารจีนที่ทำขึ้นในวันไหว้พระจันทร์นี้ไม่ใช่ขนมเค้กอย่างเช่น
ของชาวตะวันตกตามที่เข้าใจกัน ในประเทศไทย ศิลปะการทำขนมเค้กแบบชาวจีนนี้ถูกนำเข้า
มาเผยแพร่โดยชาวจีนอพยพมากว่า 100 ปีมาแล้ว
ขนมไหว้พระจันทร์ของจีนแต่เดิมนั้นมีส่วนประกอบ เช่น ถั่วแดง ลูกนัทจีน 5 ชนิด และ เมล็ด
บัว เป็นต้น ในประเทศไทยก็มีส่วนประกอบที่แตกต่างออกไป เช่น การรวมเอาทุเรียน ลูก
เกาลัด และลูกพลับเข้าไว้ด้วย เครื่องปรุงที่เพิ่มเข้ามาก็อาจจะรวมเอาเมล็ดบัว ไข่แดงเค็ม
และเมล็ดแตงโมด้วย
เป็นที่น่าสังเกตว่า โดยปกติแล้วพิธีนี้จะให้สตรีเป็นผู้ทำเพราะว่าคนเชื่อกันว่าพระจันทร์มีส่วน
เกี่ยวข้องอย่างแนบแน่นกับเทพเจ้าสตรีเรื่อยมา ดังนั้น จึงมีการบูชาด้วยแป้งและเครื่องสำอาง
ด้วยเพราะหวังว่าการทำเช่นนี้จะนำมาซึ่งความสวยงามและผิวงามแก่สมาชิกในครอบครัวที่เป็น
หญิงทั้งหมด
ไม่ว่าความเจริญทางด้านวิทยาศาสตร์จะก้าวหน้าไปไกลขนาดไหนก็ตาม สิ่งเหล่านี้ไม่มีผล
กระทบต่อความเชื่อตามประเพณี และพิธีที่สืบทอดกันมาชั่วลูกชั่วหลานของชาวจีนแต่ประการใด
Study English
20090815
Subscribe to:
Post Comments (Atom)
No comments:
Post a Comment